ระบบอัตโนมัติในโรงงาน ทางเลือกและทางรอดของภาคอุตสาหกรรมไทย
ประเทศไทยพึ่งพาธุรกิจในภาคการผลิตเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับการบริโภคภายในประเทศ
และการส่งออกมาอย่างยาวนาน ผลการวิเคราะห์ระบุว่ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ระดับแถวหน้าของประเทศไทยนั้นล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์
และอุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบเช่น ยาง1 เป็นต้น
และการส่งออกมาอย่างยาวนาน ผลการวิเคราะห์ระบุว่ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ระดับแถวหน้าของประเทศไทยนั้นล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์
และอุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบเช่น ยาง1 เป็นต้น
หากแต่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี 2559 การขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
หรือจีดีพีของไทยอ่อนตัวลงอันเนื่องมาจากการส่งออกที่หดตัวลงซึ่งเป็นผลจาก
ความผันผวนของตลาดการเงินโลกประกอบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียก็ชะลอการเติบโต
ซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้การชะลอตัวดังกล่าวยังส่งผลกระทบ
อย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจการผลิตทั่วประเทศ2
หรือจีดีพีของไทยอ่อนตัวลงอันเนื่องมาจากการส่งออกที่หดตัวลงซึ่งเป็นผลจาก
ความผันผวนของตลาดการเงินโลกประกอบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียก็ชะลอการเติบโต
ซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้การชะลอตัวดังกล่าวยังส่งผลกระทบ
อย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจการผลิตทั่วประเทศ2
หากมองย้อนกลับไปในยุคแรกๆ ของการปฏิวัติอุตสาหกรรมจนกระทั่งถึงช่วงวิกฤตการเงิน
ในศตวรรษที่ 21 จะเห็นได้ว่า ธุรกิจการผลิตทั่วทุกอุตสาหกรรมและตลาดล้วนแต่ต้องเผชิญ
กับภาวะขาขึ้น-ขาลงของเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น
ในรูปแบบผู้ผลิตในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันที่แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการผันผวนทางเศรษฐกิจ
ในปัจจุบันมากเพียงใด ก็จำเป็นต้องลงทุนกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์เครื่องจักรใหม่ๆ
ระบบอัตโนมัตินำสู่ความสำเร็จ
วงจรเศรษฐกิจที่ขึ้นๆลงๆ กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้กลุ่มผู้ผลิตต้องปรับตัวรับเอานวัตกรรมใหม่ๆ
เข้ามาใช้และสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามลดต้นทุนการผลิต
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลไทยได้เล็งเห็นสถานการณ์ที่ผู้ผลิตกำลังเผชิญอยู่
และเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือหลายประการ โดยในปี 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีได้ประกาศมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่าย
ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก2 เท่าเป็น 3 เท่า (200% เป็น 300%)
ซึ่งครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนกับเทคโนโลยีที่ใช้ระบบอัตโนมัติ
และอุปกรณ์เครื่องจักรกล3อีกด้วย
เข้ามาใช้และสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามลดต้นทุนการผลิต
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลไทยได้เล็งเห็นสถานการณ์ที่ผู้ผลิตกำลังเผชิญอยู่
และเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือหลายประการ โดยในปี 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีได้ประกาศมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่าย
ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก2 เท่าเป็น 3 เท่า (200% เป็น 300%)
ซึ่งครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนกับเทคโนโลยีที่ใช้ระบบอัตโนมัติ
และอุปกรณ์เครื่องจักรกล3อีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ในช่วงต้นปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
ได้ออกมาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของการลงทุนในอนาคตในสามอุตสาหกรรม
ซึ่งอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริม4
ได้ออกมาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของการลงทุนในอนาคตในสามอุตสาหกรรม
ซึ่งอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริม4
เป็นที่แน่นอนว่ามาตรการสนับสนุนดังกล่าวจะสร้างโอกาสมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมการผลิตใน
ประเทศไทยในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลงได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
อาทิ การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติต่างๆ
ประเทศไทยในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลงได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
อาทิ การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติต่างๆ
ปัจจุบัน หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่เข้ามาสู่ภาคการผลิตของไทยมีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกันไป
พื้นที่ในโรงงานขนาดกลางถึงเล็กหรือเงินลงทุนไม่ใช่ประเด็นที่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป
ตัวอย่างเช่น แขนกลหุ่นยนต์ขนาดกระทัดรัดที่ใช้งานร่วมกับมนุษย์ได้ซึ่งมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
และยังเคลื่อนย้ายไปใช้งานตามจุดต่างๆ ทั่วโรงงานได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
อีกทั้งยังปรับใช้งานกับกระบวนการผลิตของโรงงานประเภทต่างๆ ได้อีกด้วย
ตั้งแต่การใช้แขนกลเพื่อติดชิ้นส่วนอะไหล่ขนาดเล็กเข้ากับอุปกรณ์แกดเจตอิเล็กทรอนิกส์
ไปจนถึงการหยิบและยกชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีขนาดใหญ่ในกระบวนการประกอบรถยนต์
โดยแม้ว่าจะได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเพียงใด
แต่แขนกลก็ถูกออกแบบมาให้มนุษย์ใช้งานและควบคุมได้อย่างง่ายดาย
ห่วงโซ่คุณค่าที่ขยายตัวขึ้น
กลุ่มผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยต่างก็ได้ประจักษ์ถึงประสิทธิภาพการทำงาน
ของหุ่นยนต์และการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุน (บีโอไอ) ได้เปิดเผยตัวเลขการนำเข้าหุ่นยนต์และระบบการทำงานโดยอัตโนมัติ
ว่ามีมูลค่าถึงกว่า 47.3ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณกว่า 1,700ล้านบาท
และยังคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมที่มีการนำเข้าหุ่นยนต์มากที่สุด
ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 5
ของหุ่นยนต์และการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุน (บีโอไอ) ได้เปิดเผยตัวเลขการนำเข้าหุ่นยนต์และระบบการทำงานโดยอัตโนมัติ
ว่ามีมูลค่าถึงกว่า 47.3ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณกว่า 1,700ล้านบาท
และยังคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมที่มีการนำเข้าหุ่นยนต์มากที่สุด
ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 5
การพัฒนาที่ก้าวไกลยิ่งขึ้นของเทคโนโลยีการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ อาทิ แขนกลที่สามารถทำงาน
ร่วมกับมนุษย์ได้กลายเป็นทางเลือกที่ลงตัวของผู้ผลิตในประเทศไทยที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไป
ได้ เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาวการณ์ทางธุรกิจและ
สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน และยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่ม
ประสิทธิผลและประสิทธิภาพการผลิตตลอดจนบรรลุเป้าหมายในการลดต้นทุนอีกด้วย ธุรกิจการผลิต
ของประเทศไทยยังคงต้องติดอาวุธใหม่ๆ ให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ประเทศไทยจะยังคงเป็น
หนึ่งในศูนย์กลางด้านการผลิตที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เอ ออโตเมชัน โทร.02-9444511
ขอบคุณที่มาจาก http://www.bangkokbiznews.com
ร่วมกับมนุษย์ได้กลายเป็นทางเลือกที่ลงตัวของผู้ผลิตในประเทศไทยที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไป
ได้ เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาวการณ์ทางธุรกิจและ
สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน และยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่ม
ประสิทธิผลและประสิทธิภาพการผลิตตลอดจนบรรลุเป้าหมายในการลดต้นทุนอีกด้วย ธุรกิจการผลิต
ของประเทศไทยยังคงต้องติดอาวุธใหม่ๆ ให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ประเทศไทยจะยังคงเป็น
หนึ่งในศูนย์กลางด้านการผลิตที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เอ ออโตเมชัน โทร.02-9444511
ขอบคุณที่มาจาก http://www.bangkokbiznews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น